แต่ในที่สุด ทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ของเราก็ต้องเคลมประกันเดินทางจนได้ เพราะดันไปไม่สบายในต่างแดนซะงั้น เริ่มต้นจาก
วันแรก มีผื่นแดงขึ้นตามแขน ขา คอ และหน้า ก็เลยไปซื้อยาแก้แพ้มากิน
วันที่สอง ยังมีผื่นขึ้นอยู่ แต่ตาบวมด้วย ทีแรกก็นึกว่านอนน้อยก็เลยไม่สนใจ และยังคงกินยาแก้แพ้อยู่
วันที่สาม ตาบวมตุ่ยจนจะปิดไปข้างนึงเลย เพราะไม่แน่ใจว่าแพ้อาหาร หรือแพ้ยา รอช้าไม่ได้แล้ว รีบติดต่อประกันการเดินทางทันที
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมง เนื่องจากติดช่วงวันหยุดของญี่ปุ่นด้วยก็เลยช้านิดนึง
1. เนื่องจากเราไม่ได้เปิดโรมมิ่งมา ก็เลยให้น้องชายที่อยู่เมืองไทยติดต่อไปที่ Call Center ของ Cigna Thailand ก่อน แล้วเค้าบอกว่า ต้องโทรมาคุยกับเราโดยตรง เพราะต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เราจึงให้ทางประกันโทรเข้ามาที่โรงแรม ตอน 11 โมงเช้า
2. ประกันต่อสายให้คุยกับคุณหมอเพื่อประเมินอาการ เบื้องต้นคุณหมอแจ้งว่าน่าจะต้องไปหาหมอที่ญี่ปุ่นเพื่อตรวจอย่างละเอียดอีกที
3. ส่งภาพถ่ายตาที่บวมเป่งจนจะปิดไปให้ประกัน รวมถึงรายละเอียดการเดินทางต่างๆ หลังจากนี้เราติดต่อกันทางอีเมล์ เพราะไม่มีเบอร์โทรติดต่อกันได้ และไม่มีการติดต่อกันทางไลน์ด้วย
4. ประกันเดินทางแจ้งมาว่า ทีมทางญี่ปุ่นกำลังกำลัหาคลีนิคให้อยู่ แต่ติดปัญหาว่า ส่วนใหญ่เค้าจะปิดปีใหม่กันแล้ว แต่จะพยายามทำนัดให้ได้ภายในวันนี้
5. บ่าย 3 ประกันส่งอีเมล์มาบอกว่า ไปที่ Tohoku University Hospital ได้ เพราะมีคุณหมอที่พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า เพราะทางโรงพยาบาลไม่รับหนังสือการันตีจากทางประกัน พร้อมมีหนังสือจากทางโรงพยาบาลมาให้
พอได้ชื่อโรงพยาบาลมาแล้ว เราก็รีบจับแท็กซี่ไปทันที ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 3 กม. (ทาง Cigna เค้าจะพยายามหาโรงพยาบาลที่ใกล้หรือสะดวกเรามากที่สุดนะคะ) แม้เราจะต้อง walk in เพราะทางประกันทำเรื่องนัดให้ไม่ได้ แต่พอเราติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ของโรงพยาบาล และยื่นจดหมายให้ดู เค้าร้องอ๋อขึ้นมาทันทีเลย แสดงว่า ทางประกันได้ประสานงานไว้ให้แล้ว
ใช้เวลารอเกือบๆ 2 ชม. จึงถึงคิวเรา ระหว่างหาหมออยู่ เราต่อสายโทรไลน์ให้เพื่อนที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ช่วยแปลให้ แต่เห็นทาง Cigna แจ้งว่า มีบริการให้ความช่วยเหลือด้านสื่อสาร หรือ language support ด้วย แต่เราไม่ได้ใช้บริการนะ เพราะไม่ได้เปิดโรมมิ่ง เกรงว่าจะยุ่งยาก ก็เลยไปรบกวนเพื่อนแทน ระหว่างคุยเราก็เปิดรูปอาหาร ยาแก้แพ้ที่ซื้อมากินเอง ผื่นแดงตามแขนขา และตาที่บวมเมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาให้คุณหมอดูด้วย คุณหมอบอกว่า ไม่แน่ใจว่า แพ้อาหารหรือแพ้ยาที่ซื้อมากินเอง ถ้าอยากรู้ต้องตรวจแบบละเอียด ซึ่งประกันเดินทางอาจจะไม่ครอบคลุม แนะนำให้กลับมาตรวจที่เมืองไทยดีกว่า สรุปแล้วได้ยาแก้แพ้มา 7 เม็ด สำหรับ 7 วัน จ่ายค่ายาและค่าบริการ ทั้งหมด 20,310 เยน จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้เลย
หลังกลับจากเที่ยวญี่ปุ่น เราก็ส่งเอกสารตัวจริงเข้าไปเคลมกับ CignaThailand ทางไปรษณีย์ โดยทาง Cigna ได้ส่งอีเมล์มาให้ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง หลักๆ ในการเคลมประกันส่วนค่ารักษาพยาบาลตรงนี้ของเราใช้แค่
ที่จริงต้องมีใบรับรองแพทย์ด้วย แต่วันที่เราไปหาหมอ เป็นวันหยุดของโรงพยาบาลพอดี จึงไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ให้ได้ แต่ยังดีว่ายังเคลมได้ อันนี้เดาว่า น่าจะเป็นเพราะเราติดต่อกับทางประกันตั้งแต่เริ่มต้น และเข้าโรงพยาบาลตามที่ประกันได้แนะนำมาด้วย นับตั้งแต่วันที่ส่งเอกสารเคลมจนถึงวันได้รับเงินเข้าบัญชี ทั้งหมด 12 วัน ถือว่าเร็วเกินความคาดหมายนะ
และกรมธรรม์ประกันการเดินทางฉบับที่เราใช้อยู่นี้ ทำตั้งแต่ก่อนช่วงโควิดระบาด และล็อคดาวน์ไปทั่วโลกอีก แต่ตอนนั้นทำไว้แล้วไม่ได้เดินทางเลย เราจึงติดต่อเข้า call center ว่าสามารถเลื่อนวันเดินทางได้อีกมั้ย (ก่อนหน้านี้เลื่อนไปแล้ว 1 รอบ) ทางเจ้าหน้าที่ให้เราส่งสำเนาพาสปอร์ตทั้งเล่มให้ดูว่า เราไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศจริงๆ นะ และได้ทำการเลื่อนวันที่ที่มีผลในกรมธรรม์ให้ใหม่ ดีใจที่สุดเลย ที่ไม่ต้องเสียเงินค่าทำประกันไปฟรีๆ
นี่ล่ะถึงได้ย้ำบ่อยๆ ว่า ประกันเดินทางนี่สำคัญมากจริงๆ ขนาดของเราเป็นเคสเล็กๆ แต่ต้องหาหมอในต่างประเทศ ยังต้องจ่ายค่าหมอค่ายาไปตั้ง 5,000 กว่าบาท แต่ประกันเดินทางแบบรายเที่ยว เริ่มต้นยังไม่ถึง 600 บาทเลย แต่ได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 3 ล้านบาท ยังไงก็คุ้ม เจ็บไข้ได้ป่วยก็มีคนดูแล คอยให้คำปรึกษา และหาโรงพยาบาลให้ด้วย หรือถ้าเที่ยวบินดีเลย์ ขั้นต่ำ 6 ชั่วโมงก็ยังเคลมได้ กระเป๋าเดินทางล่าช้า คนไปเที่ยวแล้ว แต่กระเป๋าเดินทางไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ก็เคลมได้เช่นกัน
แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางสะสมไมล์ต่อไปของเรานะคะ
..หนึ่งพันไมล์..
2023.01.26