จากชลบุรีมุ่งหน้าตรงดิ่งมาที่หัวหิน
เหยียบคันเร่งหนีฝนสุดพลัง กลัวรถจะติดถนนพระราม 2 แล้วพาลทำให้ไปถึงโรงแรมดึกเกินไป
(ไม่รู้จะมีใบสั่งตามส่งมาให้ถึงที่บ้านรึเปล่า ^^)
ติดใจจนอยากจะขับรถกลับไปกินอีกหลายๆ ครั้งเลยทีเดียว
เข้ามาในล็อบบี้เพดานสูงโปร่ง และ welcome drink เย็นชื่นใจ
รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที หลังจากตั้งหน้าตั้งขับรถมาเกือบ 4 ชั่วโมง
สะดุดตากับผนังสีน้ำเงินเข้มสูงจรดเพดาน ตัดขอบสีขาว และพื้นหินอ่อนสีขาว
เหมือนจะได้สัมผัสกลิ่นอายทะเลหน่อยๆ แล้ว
ครั้งนี้เดินทางคนเดียว (เหมือนเดิม) เลือกนอนในห้องแบบ Deluxe Room หันหน้าด้านสระว่ายน้ำ
วันฟ้าใสๆ อากาศดีๆ จะมองเห็นทะเลใกล้ๆ ด้วย
ที่นี่มีห้องพักหลายรูปแบบ ทั้ง Deluxe Room , Family Suite และ Suite
พร้อมวิวที่หันหน้าสระว่ายน้ำ เมืองหัวหิน หรือหัวหน้าสู่ทิวเขา
ตอนจองอย่าลืมเลือกประเภทห้องพัก และวิวตามที่ต้องการด้วยนะ
จองเถอะ รับรองว่าคุ้มแน่นอน
ถ้ายังไม่เชื่อใจกัน ลองดูรูปต่อไปเรื่อยๆ ก่อนก็ได้
อมารี หัวหิน เพิ่งจะได้รับการรีแบรนด์ดิ้งไปไม่นาน
ทำให้อมารี หัวหิน แตกต่างไปจากโรงแรมอมารีอื่นๆ
ห้องพักที่อมารี หัวหิน มีขนาดกว้างขวาง เหมาะแก่การมาพักผ่อนในวันสบายๆ อย่างมาก
ตั้งแต่เข้ามาในห้องพักแล้ว ไม่อยากจะออกไปไหนเลย
ตรงหน้าลิฟท์ส่องเห็นวิวสระว่ายน้ำ และมองไปไกลๆ โน้น ก็จะเป็นทะเลหัวหิน
ถ่ายผ่านกระจก มีเงาสะท้อนนิดนึง
หลังจากที่มองทะเลอยู่บนห้องพัก
ตอนนี้ได้เวลาเคลื่อนย้ายไปสัมผัสกลิ่นอายทะเลแบบใกล้ๆ แล้ว
แม้ส่วนของโรงแรมจะไม่ติดกับทะเลแบบแนบสนิท เพราะมีถนนเล็กๆ กั้นกลาง
แต่เค้ามีรถกอล์ฟรับส่งถึงที่นะ
ถ้าใครอยากว่ายน้ำพร้อมชมวิวทะเล
ก็ต้องมาที่นี่ล่ะ สระว่ายน้ำอีกแห่งของอมารี หัวหิน
หรืออยากจะอาบแดดเปลี่ยนให้เป็นผิวสีแทน ก็มานอนเล่นที่นี่ได้เลย
ตรงนี้นอกจากจะมีสระว่ายน้ำพร้อมวิวทะเลแล้ว
ยังเป็นพื้นที่ตรงส่วนของ “Shoreline Beach Club” อีกด้วย
มีโซฟาให้นั่งรับลมจากทะเล
หรือจะสั่งอาหารมานั่งกินตรงนี้ก็ได้บรรยากาศโรแมนติคไปอีกแบบ
ถ้ามากับญาติผู้ใหญ่ ไม่สะดวกนั่งกินที่โซฟาริมทะเล
ก็มีโต๊ะอาหารให้นั่งกินข้าวกันสบายๆ
กระซิบดังๆ ว่า ที่นี่อาหารอร่อยมากกกกกกกก
ระหว่างกินข้าวไป ก็รอลุ้นแสงทไวไลท์ไปด้วย
ตอนแรกๆ ก็หมดหวังไปแล้วล่ะ ท้องฟ้าช่างมืดครึ้มเหลือเกิน
จากที่ตั้งใจว่าจะนั่งกินข้าวรับลมทะเลชิวๆ ก็ต้องย้ายมานั่งข้างในแทน
เกรงว่าฝนจะกระหน่ำลงมาก่อนท้องจะอิ่ม
ขออภัยที่จำชื่ออาหารไม่ได้เลยสักอย่าง แต่ยังจำรสชาติได้ไม่ลืมเลือน
ถ้าถามว่ามื้อเย็นวันนั้นชอบเมนูไหนมากที่สุด
ตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า ชอบเมนูที่เป็นเนื้อแกะชิ้นบางๆ ย่างบนเตาร้อนๆ และหอมเครื่องเทศอ่อนๆ
ที่สำคัญคือ น้ำจิ้มที่กินคู่กันนั้น รสชาติกลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติมอีกเลย
ส่วนเมนูอื่นๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน
ยิ่งเมนูซีฟู้ดด้วยแล้ว กุ้ง กั้งนี้เนื้อแน่นและสดมาก ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็ยังอร่อยได้
อาหารหวานก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
ถ้าใครไม่ได้พักที่อมารี หัวหิน ก็แวะเข้ามากินข้าวที่ Shoreline Beach Club ได้นะ
เผื่ออยากจะมาพิสูจน์ว่า อร่อยจริงรึเปล่า
ดริ้งก์เบาๆ 1 แก้ว เพื่อคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี
(ลืมไปเลยว่า หอบงานมาทำด้วย!!!)
มี turn down service ในช่วงที่เราออกไปกินอาหารค่ำด้วย
กลับมาพร้อมห้องแอร์เย็นๆ ผ้าม่านปิดสนิท เปิดไฟหัวเตียง
และผ้าห่มที่พร้อมสอดตัวเข้าไปนอนได้เลย
Mosaic (โมเสค) ห้องอาหารเช้าของอมารี หัวหิน ตกแต่งด้วยสีสันสะดุดตา
อาหารเช้าที่นี่หลากหลายมาก มีทั้งอาหารไทยและอินเตอร์ รวมถึงเบเกอรี่ด้วย
ไม่ได้ถ่ายรูปไลน์อาหารเช้ามาให้ดูกันนะ เพราะตอนที่ลงมาคนเริ่มเยอะแล้ว (นอนเพลินไปหน่อย ^^)
เกรงว่าจะไปแขกรบกวนคนอื่นๆ
จริงๆ 2 วันที่เข้ามาพักที่นี่ กินอาหารเช้าเยอะมากกกก
แต่ถ่ายรูปมาแค่จานเดียว!
คือ หิวและอร่อยจนลืมถ่ายรูปก่อนกินทุกทีเลย ^^
ชอบวิวสระว่ายน้ำของอมารี หัวหิน ตรงนี้เป็นพิเศษ
สระว่ายน้ำที่ปูกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับต้นไม้สีเขียวๆ และร่มสีแดง
สีสันสดใส เหมาะกับวันพักผ่อนของเรา
สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของอมารี หัวหิน
ดูแล้วเหมือนจะไม่เคยร้างผู้คนเลย ตื่นมาเช้าๆ ก็เห็นมีเด็กๆ มาว่ายน้ำเล่นกันแล้ว
ถึงเวลามาบำรุงผิวพรรณ และผ่อนคลายร่างกายด้วยการทำสปากันแล้ว
โทรจองคิวกับ Breeze Spa ไว้ตอน 10 โมงเช้า
ห้องสปาก็อยู่ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำนั่นล่ะ
เริ่มต้นด้วย Signature Welcome Shot
น้ำเสาวรส+น้ำมะนาว+น้ำสับปะรดที่เคลือกปากแก้วด้วยน้ำตาลจากธรรมชาติเย็นเจี๊ยบ
ช่วยเพิ่มเติมพลังงาน และรู้สึกสดชื่นตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปสปา
วันนี้เราเลือกแพคเกจหัวหิน ทรอปิคานา (Hua Hin Tropicana Package)
เป็นการทรีตเมนต์ขัดผิวด้วยส่วนผสมจากท้องทะเลที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนจากผงไข่มุก วิตามิน E และ C
ผงข้าวที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
ตามด้วยการนวดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะม่วง ส้ม หญ้าแฝกหอม และหญ้าตัดใหม่
เพลินๆ กันไป 2 ชม. แต่เหมือนได้ชาร์จพลังมาซะ 6 ชม.เลย
นวดสปาเสร็จแล้ว มาต่อกันที่ Afternoon Tea ที่คอรัล เลาจน์ (Coral Lounge)
ยังคงสไตล์เรียบหรูดูแพงด้วยแชนเดอร์เรียรูปทรงปะการังสีแดงสดสะดุดตา
ตัดกับผนังสีน้ำเงินสดใสที่สูงจากพื้นจรดเพดาน
ชวนให้อยากนั่งจุมป๊กไม่ลุกไปไหนเลย
เห็นเก้าอี้ไม้ พนักพิงสูงๆ แบบนี้นึกถึงตอนนางสาวไทยรับตำแหน่งเลยมั้ย
Afternoon Tea Set เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้เลยถ้าได้มาพักที่อมารี หัวหิน
เซ็ตสำหรับ 2 คนนี้ ทำเอาจุกจนไม่ต้องกินอะไรต่อเลย
Reef Deli and Wine Lounge
เราฝากท้องมื้อเย็นไว้ที่ห้องอาหารนี้
เป็นอาหารเย็นแบบง่ายๆ แต่ความอร่อยยังคงเต็มพิกัดเหมือนเดิม
ร่ำลาเมืองหัวหินไปด้วยฝนตกกระหน่ำตลอดบ่าย
รอบนี้ยังไม่ได้ไปเดินตลาดโต้รุ่งและ Cicada Market เลย
คงต้องหาโอกาสมาแก้ตัวใหม่อีกรอบซะแล้ว
Address : 117/74 Takiab Road, Nongkae, Hua Hin, Prachuab Kirikhan
Tel : +66 (0) 3261 6600
Website : http://www.amari.com/huahin/
แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางสะสมไมล์ต่อไปของเรานะคะ
..หนึ่งพันไมล์..
2017.08.01